ชัยคฺ ซาอิด ฮาวา ...........อุละมาอ์นักต่อสู้แห่งซีเรีย

  

 อบู ชูเราะห์บีล เรียบเรียง 

เชค ซะอีด ฮาวา ชื่อเต็มว่า ซะอีด บิน มุฮัมมัด ดีบ ฮาวา เกิดในเมืองฮามาฮ์ ประเทศซีเรีย ปีค.ศ. 1935 ท่านสูญเสียมารดาไปเมื่ออายุได้เพียง 2 ขวบ ยายของท่านจึงได้เลี้ยงดูต่อ พร้อมกับการดูแลของบิดาของท่านที่เป็นนักรบมุญาฮิดีนที่ต่อต้านอาณานิคมฝรั่งเศส

ท่านเติบโตมาท่ามกลางอุดมการณ์หลากหลายในซีเรียยุคนั้น ไม่ว่าสังคมนิยม ชาตินิยม พรรคบะอฺษฺ และกลุ่มอิควาน มุสลิมูน และท่านได้เลือกที่จะเข้าสังกัดกับกลุ่มอิควานในปี 1952 ในขณะที่ท่านยังเป็นเด็กนักเรียนระดับมัธยม

ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนกับเชคต่างๆมากมายในซีเรีย เช่น เชค มุสฏอฟา อัซ ซิบาอียฺ(ผู้นำอิควานคนแรกของซีเรีย) เชค มุสฏอฟา อัซ ซัรกอ(นักฟิกฮฺชั้นนำของโลกมุสลิม) และคนอื่นๆ ท่านได้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในปี 1961 และได้เข้าไปเป็นทหารรับใช้ประเทศในปี 1963 จากนั้นได้แต่งงานในปี 1964 และมีบุตร 4 คน

ท่านได้สอนหนังสือ บรรยาย ในหลายๆประเทศ เช่น ในซาอุดิอารเบีย คุเวต อิรัก จอร์แดน อิยิปต์ ปากิสตาน สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ท่านได้เข้าเป็นประธานร่างธรรมนูญซีเรียในปี 1973 เป็นผลให้ท่านถูกจับขังคุกเป็นเวลา 5 ปี

หลังจากได้รับการปล่อยตัวออกมา ท่านได้รับการแต่งต่างให้เป็นแกนนำคนหนึ่งของระบอบอิควานระดับโลก ท่านจึงได้เข้าร่วมงานดะอฺวะฮฺ การเมือง และญิฮาดมากมาย

ท่านได้เข้าร่วมการจัดการศึกษาทั้งในซีเรียและนอกประเทศ ท่านได้ไปอยู่ที่ซาอุดิอารเบียถึง 5 ปี ท่านได้เข้าร่วมงานในหลายๆประเทศ  โดย เฉพาะปากีสตาน ท่านได้เดินทางไป 2 ครั้ง ครั้งแรกเพื่อพบกับซัยยิด อบุล อะอฺลา อัล เมาดูดียฺ และรับฟังการชี้นำจากท่าน ครั้งที่สองได้ไปร่วมพิธีละหมาดญานะซะฮฺของท่านเมาดูดียฺ 

เชค ซะอีด ฮาวา ได้เขียนหนังสือไว้จำนวนมาก งานเขียนชุดสำคัญของท่านถูกเขียนขณะที่อยู่ในคุก คือตัฟซีรอัลกุรอานเป็นหนังสือ 11 เล่มใหญ่ ชื่อว่า “อัล อะซาซ ฟิล ตัฟซีร” นอกจากนี้ท่านได้เขียนหนังสือในโอกาสต่างๆไว้อีกจำนวนมาก อาทิเช่น

- อัลลอฮฺ 
            - อัรเราะซูล
            - อัล อิสลาม
            - อัล อะซาซ ฟิซ ซุนนะฮฺ
            - ญุนดุลลอฮฺ ษะกอฟะตัน วะ อัคลาก็อน
            เป็นต้น

ใน ปี 1987 ท่านได้ป่วยหนัก และได้เสียชีวิตในปี วันที่ 9 เดือนมีนาคม ปี 1989 ที่อัมมาน ประเทศจอร์แดน พิธีฝังญะนาซะฮฺของท่านเต็มไปด้วยผู้คนและนักปราชญ์มากมาย ท่านได้จากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 53 ปี แต่ได้ทิ้งผลงานวิชาการจำนวนมาก และความก้าวหน้าของการทำงานอิสลามไว้เบื้องหลัง

เมื่อชายคนหนึ่งยืนดื่มน้ำ

ตอบคำถามโดย ชัยคฺ ยูสุฟ อัล เกาะเราะฎอวียฺ
ฎิยาอ์ แปลและเรียบเรียง

มีอยู่ครั้งหนึ่ง  คนสุดโต่งเห็นคนกำลังยืนดื่มน้ำ คนสุดโต่งได้ร้องขอแก่ชายผู้นั้นเพื่อที่จะให้นั่งลงอย่างหยาบกระด้าง ด้วยเหตุผลว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการเบี่ยงเบนออกจากซุนนะห์(แบบอย่าง)ของท่านนบี ศ๊อลล็อลลอฮุ อะลัยฮิ วะ ซัลลัม ด้วยความสับสน ทำให้ชายคนนั้นก็ยังคงยืนต่อไป ดังนั้น เขาจึงถูกต่อว่าต่อไปว่า“ถ้าเป็นมุสลิมจริง เขาจะต้องสำรอกออกมาทันทีเพื่อจะทำให้ตัวเองบริสุทธิ์”    

ณ จุดนี้เอง ข้าพเจ้าจึงพูดแทรกอย่างสุภาพแก่คนสุดโต่งว่า “เรื่องดังกล่าวไม่สมควรรุนแรงเกินไป การยืนดื่มน้ำเป็นประเด็นที่โต้แย้งเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่สมควรประณามอย่างเปิดเผยและใช้ความแข็งกร้าวเช่นนี้” คนสุดโต่งนั้นกล่าวขึ้นว่า มีหะดีษที่ห้ามมันไว้อย่างเด็ดขาดและได้เรียกร้อง “ผู้ใดก็ตามที่กระทำอย่างหลงลืม ดังนั้นให้เขาสำรอกออกมา”    

            คำตอบของฉันคือ “แต่ทว่าหะดีษที่อนุญาตให้ยื่นดื่มน้ำนั้นน่าเชื่อถือมากกว่า และยังมีกล่าวโดย  อิหม่าม บุคอรี ในหนังสือ ศอเฮียะของท่านในบทที่ว่า “การยื่นดื่มน้ำ” ยิ่งไปกว่านั้นท่านไม่ได้กล่าวถึงหะดีษที่ห้ามมันไว้เลย(ในหนังสือศอเฮี้ยะของท่าน)” นอกจากนี้ ท่านอิหมาม อัต ติรมีซีย รวมทั้งท่านอื่นๆได้รายงานหะดีษอีกมากมายที่มายืนยังเรื่องนี้ เป็นความจริงที่ว่า ท่านนบี  ศ๊อลล็อลลอฮุ อะลัยฮิ วะ ซัลลัม ยืนดื่มน้ำในขณะที่ท่านทำฮัจญอำลา(ฮัจจะตุลวะดาอ)  

นอกจากนั้นยังมีรายงานอีกว่า ท่านอะลี อิบนิ อะบีตอเล็บ รดิยัลลอฮุ อันฮุ ได้ยืนดื่มน้ำเช่นเดียวกันและท่านกล่าวว่า “บางคนไม่ชอบที่จะยืนดื่มน้ำแต่ทว่าฉันเคยเห็นท่านนบีกระทำมาแล้ว ดังที่พวกท่านเห็นฉันทำอยู่ขณะนี้”    

เช่นเดียวกันท่าน อิหมาม อัต ติรมีซีย์ ได้รายงานถึงการอนุญาตให้ยืนดื่มน้ำ ด้วยหลักฐานที่วางอยู่บนคำพูดและการกระทำของเหล่าศอฮาบะฮฺของท่านนบีฯจำนวนหนึ่ง ตามการบัณทึกของ ท่าน อิหมาม อัต ติรมีซีย์ ท่าน อิบน อุมัร รดิยัลลอฮุ อันฮุมา กล่าวว่า “ช่วงเวลาที่ท่านนบี ศ๊อลล็อลลอฮุ อะลัยฮิ วะ ซัลลัม มีชีวิตอยู่ พวกเราเคยรับประทานขณะที่เดินและเคยดื่มขณะที่ยืน” ค๊อบชะฮ์ได้กล่าวเช่นกันว่า “ครั้งหนึ่งฉันมาหาท่านนบีและฉันก็เห็นท่านกำลังดื่มน้ำจากถุงน้ำที่แขวนอยู่”       

            การอธิบายที่สืบทอดต่อๆกันมายังพวกเราจากบรรดาอุลามาอ์หะดีษที่น่าเชื่อถือส่วนใหญ่ได้ชี้ให้เห็นว่าถึงแม้ว่ามีการสนับสนุนอย่างชัดเจนต่อการนั่งดื่มน้ำ แต่ทว่าไม่ได้มีข้อห้ามของการยืนดื่มน้ำ บรรดาอุลามาอเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าหะดีษที่สนับสนุนก่อนหน้านั้นได้ถูกยกเลิกด้วยหะดีษอื่น และสิ่งนี้ได้รับการรับรองโดยการปฏิบัติของ อบู บักร, อุมัร อิบนิ ค๊อฏฏ๊อบ, อุษมาน อิบนิ อัฟฟาน,อะลี อิบนิ อะบีตอเล็บ, รดิยัลลอฮุ อันฮุม 

           ในประเด็นที่สับสนเช่นนั้น มันจะเป็นการผิดโดยสิ้นเชิงที่จะมาห้ามคนยืนดื่มน้ำ